การดูแลตนเองในระหว่างการรักษาหูดหงอนไก่


ติดตามการรักษาโดยการมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ


หมั่นตรวจอวัยวะเพศของตัวเองเพื่อหารอยโรคอยู่เสมอ


งดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างการรักษา แต่หากมีความจำเป็นก็ควรใช้ถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ


ควรล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ เป็นประจำ และหากสัมผัสรอยโรคให้ล้างบริเวณที่สัมผัสและล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ หูดหงอนไก่


รักษาสุขอนามัยพื้นฐานให้ครบถ้วน เช่น การดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด, ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ, รับประทานอาหารที่สุกสะอาด, งดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ใช้สารเสพติด และการสำส่อนทางเพศ, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส เป็นต้น


ในรายที่มีหูดหงอนไก่ขึ้นหลายแห่ง หรือเป็น ๆ หาย ๆ อยู่บ่อย ๆ ควรไปตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) หรือไม่


ในผู้หญิงที่เป็นหูดหงอนไก่บริเวณปากมดลูก อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคเอดส์หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้น เช่น สูบบุหรี่หรือกินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ฯลฯ ดังนั้น จึงควรหาทางหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ และควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกในระยะแรกเริ่มอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


ในระหว่างการรักษาหูดหงอนไก่ หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษามีอาการเจ็บ แดง ระคายเคืองเป็นบริเวณกว้าง หรือผู้ป่วยมีความกังวลในอาการที่เป็นอยู่ ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนนัดเสมอ


สำหรับการจะใช้วิธีรักษาใดนั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ อาการของโรค (ขนาดและจำนวนของหูดหงอนไก่), ตำแหน่งที่เป็น, ภาวะตั้งครรภ์, ค่าใช้จ่ายในการรักษา, ผลข้างเคียงของการรักษา, การเดินทางของผู้ป่วย, ประสบการณ์ของแพทย์ และดุลยพินิจของแพทย์ (ตัวอย่างเช่น หากผู้ป่วยเป็นหูดชนิดราบที่อวัยวะเพศ ในครั้งแรกแพทย์อาจทดลองรักษาด้วยการทาครีมอิมิควิโมดก่อน หากพบว่ากลับมาเป็นซ้ำอีก แพทย์อาจพิจารณาเปลี่ยนวิธีการรักษาไปใช้วิธีการจี้ด้วยความเย็น (Cryotherapy) หากผู้ป่วยเป็นหูดหงอนไก่ที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อเมือกของอวัยวะเพศ แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยาทาโพโดฟิลลิน (Podophyllin) เนื่องจากมีการตอบสนองต่อการรักษาได้ดี แต่หากผู้ป่วยเป็นหูดหงอนไก่ที่มีขนาดใหญ่ แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยวิธีการจี้ไฟฟ้า (Electrocauterization) หรือจี้ด้วยเลเซอร์ (Laser ablation) ก่อน เป็นอันดับแรก และสำหรับผู้ป่วยที่เป็นหูดหงอนไก่ที่ดื้อต่อการรักษาหรือเป็นซ้ำในตำแหน่งเดิมหลายครั้ง อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดต่อไป เป็นต้น)


หมายเหตุ : การรักษาหูดหงอนไก่ทุกวิธีที่กล่าวมาจะต้องรักษาโดยแพทย์เท่านั้น ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามารักษาเอง (ยกเว้นครีมอิมิควิโมดและโพโดฟิลอกซ์ที่ได้จากแพทย์) เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เกิดแผลต่อเนื้อเยื่อปกติรอบ ๆ รอยโรคอย่างรุนแรงได้ และก่อนทายาทุกครั้ง ผู้ป่วยควรปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนเสมอ เพราะหลังจากทาแล้วไม่ควรให้รอยทายาถูกน้ำอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว Bad Boys for Life กำเนิดใหม่ของคู่หูไมอามี่

ซิ ลิ โคน เสริม หน้าอก ยี่ห้อไหนดี

ข้อดีของการใช้แบบหล่อท่อกระดาษ ในงานก่อสร้าง จากบริษัทสิงห์ชัย อุตสาหกรรม จำกัด